วันเสาร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2554

การดูแลสุขภาพไทย

   มะกรูด พืชในตระกูลส้ม (Citrus) เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็ก และเป็นไม้เนื้อแข็ง มีลักษณะเป็นพุ่ม ตามลำต้นและกิ่งจะมีหนามยาวเล็กน้อย ใบของมันจะมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม พื้นผิวใบเรียบเกลี้ยง เป็นมัน ค่อนข้างหนา มีกลิ่นหอมฉุนเพราะมีต่อมน้ำมัน กลีบดอกมีสีขาว เกสรสีเหลือง ออกผลเป็นสีเขียวเข้มคล้ายมะนาว รูปร่างกลม แต่มีผิวขรุขระ มีรสเปรี้ยว ฉ่ำน้ำและมีกลิ่นหอม จัดเป็นพืชสมุนไพรชนิดหนึ่ง มีถิ่นกำเนิดอยู่ในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
เรานิยมนำใบและผิวของผลมะกรูด มาประกอบอาหารต่าง ๆ หลายชนิด ทั้ง ต้มยำ, แกงเผ็ด, ทอดมัน ใบมะกรูดยังอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ดังนั้นเมื่อรับประทานเข้าไปจึงช่วยในการต้านมะเร็งได้ด้วย แต่ประโยชน์ของมันไม่ได้มีเพียงเท่านั้น คนสมัยก่อน นำผลมะกรูดปอกเปลือก เอาไปเผาไฟ แล้วคั้นน้ำ สามารถนำมาสระผม เพื่อบำรุงรักษาเส้นผมได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือ เพียงแค่นำผลของมะกรูดมาผ่าครึ่ง แล้วนำมาทาหนังศีรษะ ชโลมให้ทั่วเส้นผม จะแก้ปัญหาผมร่วง ทำให้เส้นผมดกดำและหนาขึ้นได้ ด้วยเหตุที่มะกรูดมีน้ำมันหอมระเหยอยู่มาก มีกลิ่นฉุน ทั้งในใบและผล บางครั้งสามารถนำไปใช้ไล่แมลงบางชนิดได้ด้วย นอกจากนั้นมะกรูดยังมีใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีโสกันต์ ซึ่งระบุไว้ในพระราชพิธีสิบสองเดือนไว้ว่าจะต้องมีผลมะกรูดและใบส้มป่อย ประกอบในพิธี
ใครที่สนใจปลูกพืชชนิดนี้ สามารถปลูกเป็นผักสวนครัวประจำบ้านได้ไม่ยาก โดยเตรียมดินที่ผสมปุ๋ยคอกและมะพร้าวสับจากนั้นใช้เมล็ดพันธุ์ มาปลูกลงในดินหรือไม่ก็ใช้ต้นกล้าเล็ก ๆ สัก 1-3 ต้น มาลงต่อ 1 กระถาง เสร็จแล้ว หาหลักไม้มาปักไว้ เพื่อยึดลำต้นให้ตรง เสร็จแล้วรดน้ำให้ชุ่มพร้อมตั้งให้ถูกแสงเป็นประจำ เมื่อแตกใบอ่อนก็สามารถเก็บมาใช้ หรือรอให้ออกผลก็ได้. 


    พลูคาว เป็นเรื่องที่น่ายินดีที่มีการค้นพบว่ามีสมุนไพรชนิดหนึ่งคือพลูคาวมีฤทธิ์ สามารถสกัดยับยั้งโรคได้หลายชนิด โดยเฉพาะโรคที่เกิดจากไวรัสต่าง ๆ พลูคาวหรือคาวตองหรือก้านตองเป็นพืชท้องถิ่นของหลายจังหวัดทางภาคเหนือที่ ผ่านการวิจัยทั้งจากภาครัฐและภาคเอกชน
    ความจริงแล้ว คุณสมบัติด้านการสกัดยับยั้งโรคร้ายต่าง ๆ ของสมุนไพรพลูคาวนั้น มีการค้นพบตั้งแต่สมัยโบราณแล้ว เห็นได้จากมีการระบุไว้ในคัมภีร์หมอล้านนาหรือหมอพื้นบ้านทางภาคเหนือว่า สามารถใช้พลูคาวสดรักษาแผลริดสีดวงทวารได้และใช้ต้มเป็นยาหม้อสกัดยับยั้ง อาการกำเริบของโรคร้ายจากต่อมน้ำเหลืองด้วย ต่อมาจึงมีการไปค้นคว้าต่อจนพบว่า แท้ที่จริงฤทธิ์สกัดยับยั้งโรคร้ายดังกล่าวนั้นเกิดจากจุลินทรีย์ในตระกูล “แล็คโตบาซิลัส” 2 สายพันธุ์จากจำนวนที่มีอยู่ตามธรรมชาติหลายร้อยสายพันธุ์ โดยจุลินทรีย์ทั้งสองสายพันธุ์มีคุณสมบัติพิเศษคือ มันจะกินแบคทีเรียและไวรัสทุกชนิดในร่างกาย ซึ่งเมื่อร่างกายปราศจากเชื้อโรคหรือแบคทีเรีย และไวรัสก็เท่ากับช่วยสร้างภูมิคุ้มกันในร่างกายทำให้ร่างกายแข็งแรงสามารถ ต้านทานโรคต่าง ๆ ได้นั่นเอง หลังจากที่ได้ผลิตสมุนไพรพลูคาวจำหน่ายเมื่อ 5 ปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากผู้บริโภคอย่างดีเป็นเหตุให้ต้องขยายแปลงปลูก พลูคาวที่เชียงรายเพิ่มขึ้นหลายสิบแปลง เป็นการสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่นอีกด้วย
    การปลูกพลูคาวนั้น ในปีหนึ่ง ๆเกษตรกรสามารถปลูกพลูคาวได้หลายครั้งเพราะมันเป็นพืชคลุมดินที่เจริญเติบโต ง่าย เพียงแต่คอยดูแลไม่ให้ถูกรบกวนจากวัชพืช หมั่นรดน้ำในฤดูแล้งและใช้ปุ๋ยอินทรีย์เสริมในบางครั้งเท่านั้น สำหรับผลผลิตนอกจากจะส่งเข้าโรงงานผลิตเครื่องดื่มสมุนไพรที่ขอนแก่นแล้ว ยังนำไปจำหน่ายที่ตลาดสดได้ด้วย เนื่องจากเป็นพืชที่ชาวเหนือทั่วไปนิยมนำมารับประทานเป็นผักสดพร้อมกับลาบ หลู้...อาหารของชาวเหนืออยู่แล้ว 


     พริก คนไทยคุ้นเคยกับรสชาติเผ็ดร้อนของพริกมานานแล้ว ซึ่งพริกถือเป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเพิ่มรสชาติอาหารไทยให้จัดจ้าน และทำให้เจริญอาหาร นอกจากนี้ในพริกยังมีส่วนประกอบของสารแคปไซซินในปริมาณสูง สารตัวนี้มีฤทธิ์ในการลดความเจ็บปวด ช่วยระบบย่อยอาหารและพริกยังสามารถสร้างสารเคลือบกระเพาะทำให้กรดกัดกระเพาะ ได้น้อยกว่าคนที่ไม่กินพริก รสเผ็ดร้อนในพริกยังช่วยบำรุงธาตุไฟ เพิ่มการเผาผลาญ ให้ความอบอุ่นแก่ร่างกาย จะสังเกตได้ว่าเมื่อทานเข้าไปร่างกายจะอบอุ่นขึ้น และยังช่วยขับเหงื่อ บรรเทาอาการหวัด ลดน้ำมูก ช่วยให้หลอดลมขยายตัวและช่วยในระบบการไหลเวียนของเลือด
     ปัจจุบันพริกไม่เพียงมีประโยชน์ทางด้านโภชนาการเท่านั้น แต่ในด้านการแพทย์ผิวหนังและด้านความสวยความงามยังสกัดสารแคปไซซินออกมาใน รูปแบบของครีม เจลเพื่อใช้บรรเทาอาการเจ็บปวดที่ผิวหนัง อาทิ ไฟไหม้ น้ำร้อนลวก งูสวัด ฯลฯ และใช้ในการนวดสลายไขมัน ลดเซลลูไลท์ ทั้งนี้เชื่อว่าจะช่วยขยายเส้นเลือดบริเวณนั้น เมื่อใช้ร่วมกับตัวยาสลายไขมันอื่นๆ ด้วย
     นอกจากนี้ในแพทย์แผนจีนยังใช้ประโยชน์จากพริกเพื่อบำรุงพลังหยาง ในช่วงที่ผู้ป่วยเป็นหวัดหรือโดนความเย็นมากระทบ โดยให้ทานอาหารรสเผ็ดร้อน อาทิ พริก พริกไทย จะช่วยบรรเทาอาการหวัด ซึ่งนอกจากจะส่งผลต่อร่างกายแล้ว ยังส่งผลต่อจิตใจทำให้คึกคัก สดชื่น กระฉับกระเฉง เลือดลมสูบฉีด ร่างกายและจิตใจตื่นตัวมากขึ้น แต่สำหรับคนที่ธาตุไฟแกร่งควรทานพริกแต่น้อย เพราะอาจเกิดพลังหยางมากเกินไป ทำให้อุณหภูมิในร่างกายสูงขึ้นและเป็นแผลร้อนในปากได้

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น